พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างมากเนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเข้าถึงข้อมูลต่างๆที่ทำได้สะดวกขึ้น ผู้บริโภคยุคใหม่มีอิสระและมีข้อมูลในการตัดสินใจซื้อที่ครบถ้วนมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมที่ซับซ้อนเหล่านี้ได้พลิกโฉมพลวัตทางธุรกิจไปอย่างสิ้นเชิง
จันทิรา จันทราชัยโชติ Audit & Assurance Transformation Leader ดีลอยท์ ประเทศไทย
ปัณฑิตา ศรีพระยา เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาแผนก Growth ดีลอยท์ ประเทศไทย
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเข้าถึงข้อมูลต่างๆที่ทำได้สะดวกขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคที่เกิดในยุคดิจิทัล (Digital natives) และกลุ่มที่ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digital immigrants) มีเส้นทางการตัดสินใจซื้อที่ซับซ้อน ผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์สกินแคร์พรีเมียมตัวใหม่ อาจจะเริ่มจากฟังอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดีย อ่านรีวิวจากชุมชนออนไลน์ด้านความงาม หรือเปรียบเทียบข้อมูลในอีคอมเมิร์ซ ก่อนตัดสินใจซื้อทันทีหลังจากเห็นโฆษณาแคมเปญทางการตลาดที่แบรนด์กำลังโปรโมทบนโซเชียลคอมเมิร์ช หรือกลับไปเลือกสมัครบริการแบบสมาชิก (Subscription) กับแบรนด์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผู้บริโภคยุคใหม่มีอิสระและมีข้อมูลในการตัดสินใจซื้อที่ครบถ้วนมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมที่ซับซ้อนเหล่านี้ได้พลิกโฉมพลวัตทางธุรกิจไปอย่างสิ้นเชิง
การเกิดขึ้นของผู้บริโภคที่มีอำนาจตัดสินใจสูง
ผู้บริโภคยุคใหม่มีความรู้ ความมั่นใจ และอำนาจในการควบคุมเส้นทางการตัดสินใจมากกว่าที่เคย ธุรกิจจึงไม่ได้เป็นผู้กำหนดประสบการณ์ของลูกค้า (Customer journey) ได้อย่างเบ็ดเสร็จอีกต่อไป แต่กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์และผู้อำนวยความสะดวกในระบบนิเวศของการซื้อที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภค
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสบการณ์ลูกค้า (Customer experience) กลายเป็นเครื่องมือสร้างความแตกต่างทางการแข่งขัน ประสบการณ์ลูกค้าในยุคปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ ณ จุดขายเท่านั้น แต่ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนการซื้อ ระหว่างการซื้อ ไปจนถึงการมีส่วนร่วมหลังการขาย ในโลกที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันนี้ ทุกประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับล้วนมีผลต่อมุมมองและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว งานวิจัยระบุว่า ผู้บริโภคร้อยละ 60 พร้อมจะกลับมาซื้อซ้ำ หากได้รับประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อและตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล
บทบาทของ AI ในการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ลูกค้า เทคโนโลยี Generative AI (GenAI) เริ่มกลายเป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาข้อมูล เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคข้อมูลอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน ธุรกิจเองก็มีการนำศักยภาพของ AI มาใช้เพื่อยกระดับและปฏิรูปกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน Agentic AI สร้างมิติใหม่ที่ล้ำกว่า GenAI แบบเดี่ยว โดยได้พัฒนาความสามารถในการวางแผน ออกแบบ และลงมือทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างอิสระผ่านตัวแทน AI (AI Agent) ที่มีบทบาทหน้าที่และการเข้าถึงข้อมูลที่เฉพาะ โดยสามารถทำงานคนเดียวหรือเป็นทีมร่วมกับตัวแทน AI อื่นๆ (Multi-agent) ตัวอย่างเช่น ในฝ่ายการตลาด Agentic AI สามารถจัดการแคมเปญผ่านหลายช่องทาง โดยมีตัวแทน AI ที่รับผิดชอบในการผลิตคอนเทนต์ ดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานแบรนด์ แบ่งกลุ่มเป้าหมาย และวิเคราะห์ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำมาพัฒนาคอนเทนต์ต่อไป
ธุรกิจต้องมีกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อเป็นผู้นำในการแข่งขัน
ในการนำ AI มาใช้องค์กรต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ดังนี้
บทสรุป
การบรรจบกันของผู้บริโภคยุคใหม่กับขีดความสามารถของ AI คือโอกาสในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้ธุรกิจ องค์กรที่พร้อมปรับตัวและนำนวัตกรรมมาใช้จะสามารถสร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมยกระดับการทำงาน องค์กรมีเพียงสองทางเลือก คือ เดินหน้าเปลี่ยนแปลงด้วย AI หรือเสี่ยงที่จะถูกแทนที่ในตลาดที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว