Skip to main content

เทรนด์โลกด้านการบริหารคนและองค์กร ปี 2568

พลิกความตึงเครียด สู่ความสำเร็จ

การวิจัย 2025 Global Human Capital Trends ของดีลอยท์ ที่ยึดคนเป็นศูนย์กลางเพื่อสร้างความก้าวหน้าและนวัตกรรม พร้อมนำ AI และแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่ยั่งยืนมาปรับใช้ เพื่อให้ผู้นำในการเปลี่ยนความตึงเครียดที่กำลังเผชิญให้เป็นความสำเร็จ และเปลี่ยนความไม่แน่นอนให้เป็นโอกาส

กัญญ์ทิพา เครือแก้ว ณ ลำพูน

ผู้จัดการอาวุโส แผนก Organization Transformation

ดีลอยท์ ประเทศไทย

อนาคตของการทำงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วย AI องค์กรต่าง ๆ กำลังเผชิญกับความท้าทายจากช่องว่างด้านประสบการณ์ของผู้สมัครงาน อีกทั้ง การสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงและความคล่องตัว หรือ “สตาจิลิตี้ (Stagility)” กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกองค์กร คำถามที่สำคัญคือ องค์กรและบุคลากรจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้อยู่รอด และเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้

การวิจัย 2025 Global Human Capital Trends ของดีลอยท์ ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากผู้นำและพนักงานกว่า 13,000 คนจากกว่า 90 ประเทศและอุตสาหกรรม โดยยึดคนเป็นศูนย์กลางเพื่อสร้างความก้าวหน้าและนวัตกรรม พร้อมนำ AI และแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่ยั่งยืนมาปรับใช้เพื่อให้ผู้นำในการเปลี่ยนความตึงเครียดที่กำลังเผชิญให้เป็นความสำเร็จ และเปลี่ยนความไม่แน่นอนให้เป็นโอกาส

ผู้นำธุรกิจจำนวนมากติดอยู่ในวงจรของความไม่แน่นอน และไม่สามารถสร้างสมดุลระหว่างความสำคัญของธุรกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ธุรกิจเสียเปรียบเนื่องจากความลังเล การชะลอการตัดสินใจ และการเลือกแนวทางที่รอดูสถานการณ์ ผู้นำจึงต้องสร้างสมดุลเพื่อบริหารจัดการความต้องการที่อยู่คนละขั้วกัน เช่น ความมั่นคงและความคล่องตัว (Stability and Agility) การควบคุมและการมอบอำนาจ (Control and Empowerment) การคาดการณ์ได้และศักยภาพ (Predictability and Potential)

ผู้นำควรมุ่งเน้นไปยังการตัดสินใจใน 3 ด้านหลัก ได้แก่

  • งาน: ทำงานให้สำเร็จได้อย่างไร
  • พนักงาน: ใครทำงานเหล่านั้นและองค์กรจะสนับสนุนได้อย่างไร 
  • องค์กรและวัฒนธรรม: โครงสร้างและแนวทางปฏิบัติแบบใดที่ส่งเสริมให้เกิดผลงานสูงสุด

การวิจัยของดีลอยท์เน้นย้ำเทรนด์สำคัญ 8 ประการที่ท้าทายความคิดแบบเดิม พร้อมเสนอวิธีการใหม่ที่ช่วยกำหนดอนาคตขององค์กรและเสริมพลังให้คนของตน

1. สตาจิลิตี้ (Stagility)
พนักงานร้อยละ 75 ต้องการความมั่นคงในการทำงานมากขึ้น ขณะที่ร้อยละ 85 มองว่าองค์กรต้องสร้างวิธีการที่คล่องตัวมากขึ้น
สตาจิลิตี้ เป็นการผสมผสานระหว่างความมั่นคง (Stability) และความคล่องตัว (Agility) โดยยึดมั่นในค่านิยมหลักและวัฒนธรรม พร้อมมีความยืดหยุ่นในวิธีการทำงาน

2. เมื่องานเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน
งานในแต่ละวัน ร้อยละ 41 ใช้ไปกับงานที่ไม่จำเป็น ขณะที่มีพนักงานเพียงร้อยละ 22 ที่มองว่าองค์กรมีประสิทธิภาพสูง
องค์กรต้องปรับปรุงกระบวนการทำงานโดยมุ่งเน้นผลลัพธ์ และให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

3. คุณค่าของมนุษย์ในยุค AI
ผู้บริหารและพนักงานกว่าร้อยละ 70 มีแนวโน้มที่จะอยู่กับบริษัทมากขึ้น
หากบริษัทช่วยให้เติบโตโลก AI เพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากรองค์กรต้องช่วยพนักงานพัฒนาทักษะทำงานกับ AI และสื่อสารความร่วมมือระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี

4. การปิดช่องว่างด้านประสบการณ์ของพนักงานจบใหม่
ผู้บริหารร้อยละ 66 มองว่าพนักงานใหม่ไม่มีความพร้อมเต็มที่ ขณะที่ร้อยละ 61 ของนายจ้างเพิ่มข้อกำหนดด้านประสบการณ์
งานระดับเริ่มต้นส่วนใหญ่ต้องการประสบการณ์ 2-5 ปี พนักงานใหม่จึงขาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้เพื่อพัฒนา บริษัทต้องเสนอการฝึกงาน การฝึกอบรม และโปรแกรมให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาคนรุ่นใหม่เพื่อเป็นกำลังให้องค์กรในอนาคต

5. เทคโนโลยีใหม่ งานใหม่
ผู้นำต้องจัดการกับเทคโนโลยีหลากหลายที่เปลี่ยนวิธีทำงานไปอย่างสิ้นเชิง โดยเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและกำหนดเวลาใช้งานอย่างรอบคอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงาน และพัฒนาพนักงานพร้อมเป้าหมาย ไม่ใช่ใช้ระบบอัตโนมัติ แต่เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานโดยรวม

6. การสร้างแรงจูงใจในระดับบุคคล
พนักงานร้อยละ 78 รู้ว่าอะไรเป็นแรงจูงใจให้ตนเองในการทำงาน แต่มีเพียงร้อยละ 33 ที่เชื่อมั่นว่าองค์กรเข้าใจแรงจูงใจของตน
องค์กรต้องเลิกใช้ “การบริหารแบบสูตรเดียวใช้กับทุกคน” (One Size Fits All) และเข้าใจแรงจูงใจของแต่ละคน ซึ่งมาจากการสนทนาระหว่างผู้จัดการกับพนักงาน พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีและ AI เข้ามาวิเคราะห์และพัฒนาแนวทางที่เฉพาะเจาะจงแต่ละกลุ่มมากขึ้น

7. การเปลี่ยนโฉมระบบการบริหารผลงาน
ผู้จัดการร้อยละ 61 และพนักงานร้อยละ 72 ไม่ไว้วางใจกระบวนบริหารผลการปฏิบัติงานขององค์กร (Performance Management Process) ขณะที่พนักงานเพียงร้อยละ 26 เห็นว่าผู้จัดการสามารถส่งเสริมการสร้างผลงานที่ดีของพวกเขาได้
การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริหารผลงาน ต้องเน้นการให้ข้อเสนอแนะแก่พนักงาน การฝึกสอน และการพัฒนาในงานประจำวันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การประเมินปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น

8. บทบาทของผู้จัดการ
ผู้จัดการต้องเปลี่ยนบทบาทจากแค่ดูแลให้งานสำเร็จ ไปสู่การฝึกสอน สร้างแรงจูงใจ และพัฒนาพนักงาน ผู้จัดการยังต้องเข้าใจเทคโนโลยีใหม่ ๆ และให้คำแนะนำทีมงาน ด้วยเครื่องมือและการฝึกอบรมที่เหมาะสม มุ่งเน้นการฝึกสอนและสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน การออกแบบงานใหม่และการจัดการทรัพยากร รวมถึงการส่งเสริมความคล่องตัวและนวัตกรรม 

บทสรุป

องค์กรที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตจะต้องมีความสามารถในการปรับตัวและมีความเข้าใจในความต้องการของบุคลากร การนำเทรนด์ทั้ง 8 ข้อไปปรับใช้จะช่วยให้ผู้นำสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายธุรกิจและความต้องการของบุคลากร สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ พร้อมทั้งส่งเสิรมให้พนักงานได้แสดงศักยภาพสูงสุด และนำไปสู่การเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน

Did you find this useful?

Thanks for your feedback

Our thinking